กวดเข้ม ป.5 - 6 มุ่งเข้า ม.1 ร.ร.เตรียมน้อมฯ / บดินทรเดชา / เตรียมพัฒนาการ และ โรงเรียนดังของรัฐบาล 090-66-99992 (ทุกวัน)
ถาม - ตอบ ( Q & A )

Q & A เป็นหมวดคำถามและข้อสงสัยที่ผู้ปกครองนั้นมักจะสอบถามอยู่เป็นประจำทุกปี ข้อสงสัยส่วนใหญ่ก็จะคล้ายๆ กัน จึงได้รวบรวมไว้ให้ผู้ปกครองท่านอื่นได้อ่านกัน เผื่อจะเป็นประโยชน์สำหรับใช้ในการวางแผนการเรียนให้แก่บุตรหลานของท่านได้บ้าง ดังมีคำถามต่อไปนี้

 
ถาม โรงเรียนไหนออกข้อสอบยากสุด
ตอบ

คำถามนี้ตอบยากแล้วแต่ความถนัดของแต่ละคน แต่สิ่งที่เห็นได้ชัดเจนก็คือ โรงเรียนที่มีชื่อเสียงและมีอัตราการแข่งสูงจะออกข้อสอบยาก เช่น เตรียมน้อมฯ , บดินทร , เตรียมพัฒนาการ , สวนกุหลาบ , สามเสน , โยธินบูรณะ ฯลฯ

ข้อสอบแต่ละโรงเรียนคล้ายกัน เพราะใช้หลักสูตรแกนกลางเหมือนกันหมด แต่มีแตกต่างกันไม่ค่อยเยอะมาก ส่วนระดับความยากก็ขึ้นอยู่กับว่่าโรงเรียนนั้นต้องการเมล็ดพันธุ์แบบไหน และมีแนวโน้มจะออกยากขึ้นทุกปี เปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัย

ดังนั้น ไม่ว่าข้อสอบอะไรมา ถ้าเราเตรียมความพร้อมล่วงหน้า จนมีทักษะแน่น เข้าใจและแก้ปัญหาได้จริง จะเลือกสนามไหนส่วนใหญ่ก็จะสอบติดเสมอ

  update : May 2560
   
ถาม นักเรียนที่เรียนที่นี่สอบเข้าได้เยอะไหม
ตอบ

ขอแยกตอบเป็น 2 ประเด็น คือ

1. ถ้าดูจากจำนวนนักเรียนที่สอบได้ก็คงจะไม่เยอะ เพราะเราเป็นบ้านหลังเล็กๆ รับนักเรียนได้ไม่เกิน 24 - 30 คนต่อรุ่นเท่านั้น จะเทียบกับที่อื่นที่เขาเรียนกัน 300 - 400 คน ก็คงเปรียบเทียบกันยาก

2. สอบได้ในอัตราที่สูงเมื่อวัดตามความสำเร็จ ( ดูรายละเอียดหัวข้อ ผลงานนักเรียน ) โดยพิจารณาจากจำนวนนักเรียนทั้งหมดมีกี่คน และสอบได้ทั้งหมดกี่คน ชี้ให้เห็นว่าลูกของท่านมีโอกาสสูง และมีความเสียงน้อย

 

หากท่านไม่แน่ใจก็ลองหาข้อมูลหลายๆ แห่ง แล้วลองสอบถามข้อมูล เปรียบเทียบกัน พร้อมกับ ดูเหตผลประกอบแล้วค่อยตัดสินใจ ซึ่งน่าจะเกิดประโยชน์สูงสุดต่อลูกของท่านมากที่สุด

  update : May 2560
   
ถาม POWER MATH เปิดสอนมานานหรือยัง
ตอบ เปิดสอนเข้าสู่ปีที่ 10 ( 2560 )
  update : May 2560
   
ถาม มีคอร์สเร่งลัด สำหรับสอบเข้า ม.1 ไหม
ตอบ

มีค่ะ ส่วนใหญ่จะเป็นคอร์สที่ใช้ระยะเวลาสั้นๆ ก่อนสอบจริงประมาณ 2 สัปดาห์ มี 2 คอร์สแนะนำ ได้แก่

1.

ตะลุยโจทย์เข้า ม.1 ห้องเรียนพิเศษ ( สำหรับผู้ที่ต้องการเข้า สายวิทย์-คณิต หรือ English Program )

ข้อสอบจะยากและมีความซับซ้อนกว่าห้องปกติ และโรงเรียนดังจะมีอัตราการแข่งขันค่อนข้างสูง กรณีนักเรียนสอบไม่ได้ สามารถลงสอบได้อีกครั้งในการสอบเข้า ม.1 ห้องเรียนทั่วไป

2. โค้งสุดท้ายเข้า ม.1 ห้องเรียนทั่วไป

อย่างไรก็ตาม การเลือกติวเพียงระยะเวลาสั้นๆ สำหับผู้ที่่พื้นฐานไม่ดีส่วนใหญ่ก็จะติดปัญหา ไม่สามารถทำโจทย์ในระดับแข่งขันได้ เนื่องจากนักเรียนขาดทักษะและประสบการณ์ในการทำโจทย์

update : 14 sep 2559

   
ถาม สอบเข้า ม.1 ใช้หลักฐานอะไรบ้าง
ตอบ

หลักฐานเบื้องต้นของนักเรียนที่ต้องนำไปในวันสมัคร
1. ใบสมัคร
2. ทะเบียนบ้านฉบับจริงของผู้สมัคร พร้อมสำเนา 1 ชุด (รับรองสำเนาถูกต้อง)
3. ปพ. 1 หรือใบรับรองว่ากำลังศึกษาอยู่ชั้นประถมศึกษาปีที่6 ฉบับจริง พร้อมสำเนา 1 ชุด
4  รูปถ่ายขนาด 1.5 นิ้ว จำนวน 3 รูป
5. เอกสารรับรองความสามารถพิเศษ กรณีสมัครความสามารถพิเศษ

6. เอกสารอื่นๆ (ถ้ามี) เช่น การเปลี่ยน ชื่อ สกุล สูติบัตร เป็นต้น
ข้อควรทราบ เมื่อทราบกำหนดการรับสมัครเข้าเรียนในแต่ละปีแล้ว ผู้ปกครองก็ควรเริ่มวางแผนและเตรียมหลักฐานให้ครบตามที่กำหนด โดยผู้ปกครองสามารถศึกษาเพิ่มเติมจากโรงเรียนที่เราสนใจได้โดยตรง

   
ถาม สอบเข้า ม.1 ใช้คะแนนโอเน็ตหรือไม่
ตอบอบ

ใช้ค่ะ เฉพาะการสอบเข้าประเภททั่วไป (สามัญ) เท่านั้น
สำหรับผลคะแนนโอเน็ต (O-NET) ของ ป.6 นั้น  ทาง สพฐ.ได้เห็นชอบให้มีการจัดการสอบคัดเลือกนักเรียนเข้าศึกษาต่อชั้น ม.1 ในเขตพื้นที่บริการ (ประเภท ทั่วไป หรือ สามัญ) โดยมีหลักเกณฑ์ดังนี้
1. คะแนนสอบที่ใช้ข้อสอบของโรงเรียน ร้อยละ 70
2. คะแนนสอบ O-NET ร้อยละ 30

โดยการสอบคัดเลือกเข้าศึกษาต่อชั้น ม.1 โรงเรียนจะนำคะแนนข้อ 1 และ 2 รวมกัน แล้วค่อยประกาศผลการสอบคัดเลือกค่ะ โดยได้มีการนำมาใช้อย่างเป็นทางการในปีการศึกษา 2554 เป็นต้นมา

ส่วนการสอบเข้า ม.1 ประเภท ห้องเรียนพิเศษ (วิทย์-คณิต) / English Program ไม่ใช้คะแนนโอเน็ต

ดังนั้น นักเรียนไม่ควรที่จะมองข้าม ควรจะทำคะแนนสอบโอเน็ตที่โรงเรียนให้คะแนนสูงด้วยค่ะ

ปีการศึกษา 2560 เป็นต้นไป มีการเปลี่ยนแปลงนโยบาย ปกติจะสอบโอเน็ต 8 กลุ่มวิชา ลดลงเป็น 5 กลุ่มวิชา ได้แก่

  1. คณิตศาสตร์
  2. วิทยาศาสตร์
  3. ภาษาอังกฤษ
  4. ภาษาไทย
  5. สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม
   
ถาม อบเข้า ม.1 ห้องเรียนพิเศษ สอบวิชาอะไรบ้าง
ตอบอบ
ขอแยกออกเป็น 2 ประเภท ( ตามประเภทห้องเรียน)

๑. ประเภทห้องเรียนพิเศษ

     ผู้ปกครองที่ต้องการส่งบุตรหลานเข้าเรียนต่อในระดับชั้น ม.1 ประเภทห้องเรียนพิเศษนั้นสามารถจำแนกได้ 2 กลุ่มคือ
     1.1 กลุ่มห้องเรียนพิเศษ EP (English Program)
           สอบทั้งหมด 3 วิชา ได้แก่ ภาษาอังกฤษ คณิตศาสตร์ และวิทยาศาสตร์ (บางแห่งสอบ 2 หรือ 5 วิชา )
     1.2 กลุ่มห้องเรียนพิเศษคณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์ ( Gifted )
           สอบทั้งหมด 2 วิชา ได้แก่ คณิตศาสตร์ และ วิทยาศาสตร์
           สำหรับเงื่อนไขการสมัครและคุณสมบัติของแต่ละโรงเรียนนั้นอาจมีความแตกต่างกัน โดยผู้ปกครองสามารถศึกษาเพิ่มเติมได้จากโรงเรียนที่ต้องการเข้าศึกษาต่อได้โดยตรง ส่วนจะตัดสินใจเลือกสอบแบบไหนก็ขึ้นอยู่กับพื้นฐานความรู้และความถนัดความพร้อมของนักเรียนแต่ละคน ซึ่งผู้ปกครองจำเป็นต้องวางแผนล่วงหน้าให้แก่บุตรหลานของท่าน เพื่อให้นักเรียนมีคุณสมบัติตรงเงื่อนไขที่กำหนด เช่น
           - ผลการเรียนเฉลี่ยรวม ป.4 , ป.5                                                         3.50 ขึ้นไป
           - ผลการเรียนเฉลี่ยรวม ป.4 , ป.5 เฉพาะคณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์           4.00
           ( ข้อมูลจริงจาก ร.ร.ยอดฮิตใน กทม. ประจำปี 2558 ซึ่งการกำหนดคุณสมบัติและเงื่อนไขแต่ละโรงเรียนอาจมีความแตกต่่างกัน ท่านขอทราบรายละเอียดได้ที่โรงเรียนที่สนใจได้โดยตรง )
๒. ประเภทห้องเรียนทั่วไป (ห้องปกติ หรือ สามัญ)
     

สอบทั้งหมด 5 วิชา ได้แก่ คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ ภาษาไทย สังคมศึกษา และภาษาอังกฤษ (เริ่มปี 2556 เป็นต้นไป) เนื้อหาที่ออกสอบครอบคลุมชั้น ป.4-6 ซึ่งเป็นการสอบคัดเลือกเข้าเรียนทั่วไป ในกรณีที่นักเรียนสอบไม่ติดในประเภทห้องเรียนพิเศษก็สามารถสอบคัดเลือกประเภทห้องเรียนทั่วไปได้อีกครั้งหนึ่ง โดยจะทำการสอบคัดเลือกพร้อมกันทั่วประเทศช่วงประมาณเดือนมีนาคมของทุกปี

การรับนักเรียนประเภททั่วไป (สามัญ) นั้นจะรับนักเรียน 4 ตามกลุ่มดังนี้ได้แก่

  2.1 นักเรียนในเขตพื้นที่บริการ (ต้องมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านในเขตพื้นที่บริการไม่น้อยกว่า 2 ปี)
  2.2 นักเรียนทั่วไป (ในเขตพื้นที่บริการและนอกเขตพื้นที่บริการ)
  2.3 นักเรียนที่มีความสามารถพิเศษ
  2.4 นักเรียนที่มีเงื่อนไขพิเศษ
  รายละเอียดและเงื่อนไขเพิ่มเติม ศึกษาได้จากโรงเรียนที่ท่านสนใจโดยตรง

(ปรับปรุง : ธันวาคม 2559)

   
ถาม มีบริการสอนตามบ้านหรือเปล่า
ตอบ

ไม่มีค่ะ
เปิดสอนเฉพาะที่สถาบันเท่านั้น ตามตารางเวลาที่กำหนดไว้ หรือสามารถจัดกลุ่มย่อย 5 - 8 คนมาเรียนก็ได้ค่ะ (ติดต่อโดยตรง)

   
ถาม ระบบรับสมัครนักเรียน เข้าศึกษาต่อระดับชั้น ม.1 และ ม.4
ตอบ ในปัจจุบัน สพท.กทม. ได้นำระบบสารสนเทศเข้ามาช่วยจัดการระบบรับสมัครนักเรียน ซึ่งจะช่วยอำนวยความสะดวก และรวดเร็วเป็นอย่างมาก สถาบันฯ ได้จัดทำระบบจำลองระบบรับสมัครนักเรียนขึ้น เพื่อให้ี่ผู้ปกครองได้ทำการศึกษาขั้นตอนต่างๆ ให้เข้าใจยิ่งขึ้น และยังเป็นการเตรียมความพร้อมในการสมัครสอบคัดเลือกในปี 2553 ด้วย (ข้อมูลอิงจาก สพท.กทม.2 ปี 2552)
 

ขั้นตอนที่ 1
กรอกใบแจ้งความจำนงผ่านระบบอินเตอร์เน็ต
ตัวอย่าง http://www.bangkok2.org ( ตัวอย่าง สพท.กทม.2 ) ขึ้นอยู่กับว่าเราต้องการสมัครสอบเข้าที่ไหน (ทางโรงเรียนจะแจ้งไว้ค่ะ)

ขั้นตอนที่ 2
นำใบแจ้งความจำนงพร้อมหลักฐานการสมัครสอบไปยังโรงเรียนที่ต้องการสมัคร
ขั้นตอนที่ 3
ขั้นตอนการรับสมัครของโรงเรียน

- ตรวจหลักฐาน
- พิมพ์ใบสมัครสอบ
หลังจากนั้นให้ตัดส่วนที่เป็น บัตรประจำสอบ ไว้เพื่อใช้ในสอบคัดเลือกต่อไป
ขั้นตอนที่ 4
สรุปการสมัครสอบ
( ท่านสามารถเรียกดูสรุปข้อมูลการรับสมัครตามเงื่อนไขได้ตามที่ต้องการ )
ขั้นตอนที่ 5
เข้าสอบตามวันเวลา และสถานที่ (ระบุไว้ในใบสมัคร)
ขั้นตอนที่ 6
ประกาศผลการสอบทางอินเตอร์เน็ต
ขั้นตอนที่ 7
รายงานตัว -มอบตัว
(นักเรียนที่ผ่านการสอบคัดเลือกรายงานตัว และมอบตัว ตามขั้นตอนของโรงเรียน )
ระบบจะทำการโอนข้อมูลการสมัคร การรายงานตัว และข้อมูลพื้นฐานที่สำคัญของโรงเรียนไว้ในระบบ เพื่อนำมาใช้ประโยชน์ต่อไป
   
ถาม ลูกกำลังเรียนอยู่ชั้น ป.6 ช่วยแนะนำคอร์สเพื่อสอบเข้า ม.1 ด้วย
ตอบ สำหรับคอร์สที่สถาบันเปิดสอนจะแบ่งออกเป็น 2 แบบ คือ
 

1. คอร์สปกติ  (เป็นคอร์สปกติเช่นเดียวกับโรงเรียนกวดวิชาทั่วไป) ได้แก่

    1.1 คอร์สเทอม 1 (เนื้อหาเทอม I)
    1.2 ปิดเทอมตุลาคม ( ทบทวนเนื้อหาเทอม I ,เรียนล่วงหน้าเทอม II และเพิ่มเติมเนื้อหาที่จำเป็นต้องใช้สอบแข่งขัน)
    1.3 คอร์สเทอม 2 (เนื้อหาเทอม II)
    1.4 คอร์สตะลุยโจทย เป็นคอร์สที่เปิดสอนในระยะสั้นๆ ใช้เวลาประมาณ 1-2 สัปดาห์ ก่อนสอบคัดเลือกจริง (สรุปเนื้อหา และฝึกทำแบบทดสอบ)

      ดังนั้น จะเห็นได้ว่าในแต่ละคอร์สนั้นถูกแบ่งเนื้อหาออกเป็นสัดส่วนอย่างชัดเจนและสอดคล้องกับหลักสูตรแกนกลางของโรงเรียนทั้งหมด ยกเว้น คอร์สปิดเทอมช่วงตุลาคม ซึ่งจะมีเนื้อหาเพิ่มเติมหลายเรื่องที่นักเรียนควรรู้และจำเป็นต้องใช้ในการสอบแข่งขันคัดเลือกด้วย

2. คอร์สโครงการพิเศษ (รับรองผล)

    ในปัจจุบันผู้ปกครองนิยมส่งบุตรหลานเข้าเรียนกวดวิชาเกือบร้อยละ 90 เพื่อเตรียมสอบแข่งขันเข้า ม.1 ในโรงเรียนยอดฮิตประเภทห้องเรียนพิเศษที่มีอัตราการแข่งขันกันสูงมาก โอกาสที่นักเรียนจะสอบไม่ได้ก็ย่อมสูงตามไปด้วยเช่นกันแม้ว่านักเรียนจะเรียนกวดวิชาอยู่แล้วก็ตาม
    สถาบันฯ จึงให้ความสำคัญเป็นกรณีพิเศษ และได้ทำการจัดทำคอร์สพิเศษขึ้นมาเพื่อให้สอดคล้องกับสภาวะการแข่งขันในปัจจุบันและตอบสนองความต้องการของนักเรียนด้วย เริ่มตั้งแต่การวางพื้นฐาน การพัฒนาทักษะ การฝึกฝนทำโจทย์ที่หลากหลายจนทำให้นักเรียนเกิดความชำนาญและมีประสบการณ์ในการทำแนวข้อสอบแข่งขัน มีความพร้อมมากที่สุดก่อนลงสู่สนามสอบจริง ซึ่งจำเป็นต้องใช้ระยะเวลาในการฝึกฝนมากกว่าปกติทั่วไป  ทำให้ผู้ปกครองมั่นใจมากยิ่งกว่าเนื่องจากสถาบันให้การรับรองผลให้แก่นักเรียนกลุ่มนี้ด้วย ( Guarantee your Success )

     จะเห็นว่าคอร์สที่สถาบันเปิดสอนนั้นครอบคลุมที่จะใช้สอบทั้งหมด โดยนักเรียนควรจะเข้าเรียนต่อเนื่องให้ครบทุกคอร์ส ในกรณีที่เรียนพิเศษอยู่ที่อื่นแล้วแต่ยังไม่มั่นใจก็สามารถเลือกคอร์สต่างๆ เพิ่มเติมเข้าไปเพื่อให้เกิดความมั่นใจมากยิ่งขึ้นได้ตามความเหมาะสม

   
ถาม นโยบายการ PRE-TEST เป็นอย่างไรบ้าง
ตอบ ทางสถาบันฯ ได้จัดการทดสอบก่อนเรียน (Pre-Test) ซึ่งเป็นหนึ่งในนโยบายของสถาบัน โดยจะทำการจัดทดสอบให้เฉพาะนักเรียนที่สมัครเรียนและขึ้นทะเบียนของสถาบันเท่านั้น เนื่องจากนักเรียนแต่ละคนนั้นมีพื้นฐานความรู้ที่แตกต่างกัน หลังจากทราบผลการทดสอบแล้วจะทำให้ครูผู้สอนทราบว่านักเรียนคนนั้นมีพื้นฐานอยู่ในระดับไหน โดยข้อสอบที่ใช้ทดสอบนั้นจะครอบคลุมหลายด้าน เช่น กระบวนการคิด ปฏิภาณไหวพริบ พื้นฐานการคำนวณ  การตีความหมาย เป็นต้น อันจะทำให้สถาบันรู้ข้อมูลเบื้องต้นของนักเรียนก่อนจะเข้าสู่ขั้นตอนการพัฒนาทักษะของนักเรียนในขั้นตอนต่อไป ส่งผลให้นักเรียนได้รับประโยชน์อย่างสูงสุดในการเรียนพิเศษและประสบความสำเร็จทางการเรียนได้ตามความมุ่งหวัง
   
  %% ยังมีคำถามที่น่าสนใจอีกหลายข้อ อันไหนที่เป็นประโยชน์จะรีบนำมาเสนอต่อไปค่ะ %%